Uncategorized

เลาะเมืองหลวง “วัดพระแก้ว” สถานที่ท่องเที่ยวเชิงความรู้ที่กรุงเทพมหานคร

                ถ้าจะกล่าวถึงสถานที่สำคัญในกรุงเทพมหานครแล้ว ชื่อของ “วัดพระแก้ว” นั้นจะต้องติดโผอย่างแน่นอน เพราะเป็นวัดที่สำคัญและเชิดหน้าชูตาของบานเมือง รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทยเราอีกด้วย ซึ่งชื่ออีกชื่อหนึ่งของวัดพระแก้ว คือ “วัดพระศรีรัตนศาสดาราม” มีพระอารามหลวงชั้นพิเศษ ที่ตั้งอยู่มุมด้านตะวันออกเฉียงเหนือของพระบรมมหาราชวัง ซึ่งมีความสำคัญเพราะเป็นประดิษฐานของ พระมหามณีรัตนปฏิมากร หรือที่เรารู้จักกันในนาม พระแก้วมรกต ที่ถือว่าเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองเลยทีเดียว

ในเรื่องของประวัติวัดพระแก้วนั้น เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ได้ทรงขึ้นครองราชย์สมบัติ และได้ทรงสถาปนาพระบรมมหาราชวังขึ้น โดยตั้งบนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งตรงข้ามกับพระราชวังเดิมที่เป็นของกรุงธนบุรี พระบรมมหาราชวังมีเนื้อที่ 152 ไร่ 2 งาน ด้านในประกอบไปด้วย ป้อมปราการ กับประตูพระราชวัง ส่วนด้านในของพระบรมมหาราชวัง จะประกอบด้วย พระราชฐานชั้นนอก, ชั้นกลาง, ชั้นใน และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชมีพระราชประสงค์ให้วัดพระแก้วเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต และเป็นสถานที่ทรงประกอบการทางศาสนา ซึ่งวัดพระแก้วเป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่เลย

การเดินเที่ยวในวัดพระแก้วนั้น ได้รับความนิยมทั้งจากคนไทยและชาวต่างชาติ ภายในมีบริเวณพื้นที่กว้างขวาง มีอาคารสำคัญและอาคารแยกออกมาเป็นจำนวนมาก แบ่งออกเป็นกลุ่มตามตำแหน่งและความสำคัญได้ ดังนี้

  1. กลุ่มพระอุโบสถ ซึ่งถือได้ว่ามีความสำคัญสูงสุด อาคารประธานคือ พระอุโบสถ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระแก้วมรกต รายล้อมไปด้วยศาลาราย หอราชพงศานุสรณ์ หอระฆัง พระโพธิ์ ธาตุพิมาน หอระฆัง และหอพระคันธารราษฎร์ ซึ่งส่วนนี้จะอยู่ตรงกลางของวัด มีกำแพงแก้วล้อมรอบสมกับชื่อวันพระแก้ว พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าให้สร้างใน พ.ศ.2326 ฝาผนังมีภาพเขียนที่สวยงามเป็นภาพตามวรรณคดีเรื่องไตรภูมิและเรื่องมารวิชัย ทั้งภาพเทพชุมนุมกันตามแบบสมัยอยุธยา ซึ่งภายพระอุโบสถนั้นได้มีการตกแต่งอย่างงดงาม ส่วนองค์พระแก้วมรกตนั้นได้ประดิษฐานอยู่บริเวณกลางห้อง
  2. กลุ่มฐานไพที อาคารบริเวณนี้ จะประกอบด้วยอาคารหลักๆ สามหลัง คือ พระมณทป พระศรีรัตนเจดีย์ ปราสาทพระเทพบิดร ส่วนบริเวณโดยรอบนั้นมีวัตถุประดับตกแต่งอย่างวิจิตร เช่น นครวัดจำลอง รูปปั้นเหล่าสัตว์หิมพานต์ พระสุวรรณเจดีย์ พนมหมาก และบุษบกพระราชลัญจกร
  3. กลุ่มอาคาร/สิ่งประดับอื่นๆ อันประกอบด้วย หอมณเฑียรธรรม หอพระนาก ยักษ์ทวารบาล พระอัษฏามหาเจดีย์ รวมทั้งจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามริมระเบียง เป็นภาพเรียงต่อกันตลอดฝาผนังทั้ง 4 ทิศ บนฝาผนังจำนวน 178 ห้อง ซึ่งภาพจิตรกรรมเหล่านั้นมีเนื้อหามาจากวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์

สำหรับผู้ที่สนใจเที่ยวชมวัดพระแก้วนั้น สถานที่นี้เปิดทุกวันให้เข้าชม ตั้งแต่เวลา 08.30 – 15.30 น. ยกเว้นวันที่มีการจัดงานพระราชพิธี ซึ่งไม่มีค่าเข้าชมสำหรับคนไทย แต่ชาวต่างชาติต้องเสียค่าเข้าชม

วัดพระแก้วนั้น เป็นเขตพระราชฐานที่สำคัญของชาติ ดังนั้นเพื่อเป็นการเคารพต่อสถานที่ต้องแต่งกายให้สุภาพ รวมทั้งต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของวัดอย่างเคร่งครัด ถ้าหากเครื่องแต่งกายไม่เหมาะสม ทางสำนักราชวังก็ยังมีการจัดเตรียมเสื้อผ้าให้ยืมฟรี แต่ต้องมีเงินประกันชิ้นละ 100 บาท และเก็บบัตรประชาชนไว้ จะได้คืนเมื่อคืนเสื้อผ้าที่ยืมไป
นับได้ว่านี้เป็นอีกสถานที่ไปที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมชมเป็นอย่างยิ่ง.