กีฬา

เอดินสัน คาวานี่ พิสูจน์แล้วว่าเขาคือของดีที่ไม่ควรจะโดนดอง

การย้ายเข้ามาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดของกองหน้าจอมเก๋าชาวอุรุกวัยอย่างเอดินสัน คาวานี่นั้น แรกเริ่มเดิมทีมันล้วนเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ว่าการเซ็นสัญญาครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกหรือไม่ของทางปีศาจแดง เพราะถึงแม้ว่าชื่อของเขานั้นจะมีรางวัลการันตีมามากมาย แต่ด้วยความที่อายุของเขาค่อนข้างจะมากแล้ว แถมยังเป็นนักเตะอเมริกาใต้ที่ไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จในโรงละครแห่งความฝันอีกด้วย แถมค่าเหนื่อยก็แพงอีกต่างหากมันจึงทำให้หลายคนมองว่าการเซ็นสัญญาครั้งนี้ของทางผีแดงมันเสี่ยงเกินไป และสถานการณ์มันก็ดูจะเป็นแบบนั้นเสียด้วยเพราะนับตั้งแต่ย้ายเข้ามา เขาก็ถูกใช้งานในฐานะตัวสำรองแทบทุกนัด จนไม่สามารถทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอันซักเท่าไหร่ แต่ผลงานจากเกมที่ทัพปีศาจแดงโกงความตายพลิกกลับมาเอาชนะนักบุญ เซาแธมตันได้นั้นมันได้แสดงให้เห็นแล้วว่าศักยภาพในตัวของกองหน้ารายนี้นั้นยังคงมีอยู่มากมายเพียงใด ในเกมนั้นผลการแข่งขันครึ่งแรกจบลงด้วยการที่ปีศาจแดงตามหลังนักบุญอยู่ที่ 2 ประตูต่อ 0 และโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ได้ทำการแก้เกมเร็วด้วยการส่งเอดินสัน คาวานี่ลงตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง และเขาก็เริ่มต้นพาทีมไล่ทวงประตูคืนทันทีเริ่มจากนาทีที่ 59 ที่เขาเป็นคนจ่ายบอลให้กับบรูโน่ยิงตีตื้นขึ้นมา ก่อนที่นาที 74 เจ้าตัวจะมาโขกประตูตีเสมอให้กับทีม ก่อนที่จะมาทำช็อกแฟนนักบุญอีกครั้งโดยการโขกประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บอีกด้วย มันจึงเท่ากับว่าสามคะแนนอันล้ำค่าของทัพปีศาจแดงในเกมนี้เป็นผลงานของคาวานี่คนเดียวเลยก็ว่าได้ มันจึงทำให้เกิดคำถามตามมาว่าที่จริงแล้วเขาหมดสภาพไปตามวัย หรือเพียงแค่เจ้านายคนใหม่ยังใช้เขาไม่เป็นเท่านั้นเอง กับการที่ทำให้เขาได้ลงสัมผัสเกมในลีกเพียงแค่เป็นตัวสำรองตลอดทุกเกม และมันถึงเวลาแล้วหรือยังที่โซลชาร์จะมอบหน้าที่ล่าตาข่ายเต็มตัวให้กับเขาเสียที เพราะเขาได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเขายังมีดีมากพอที่จะทำหน้าที่นี้อยู่ถึงแม้ว่าอายุจะปาเข้าไป 33 ปีแล้วก็ตาม และที่สำคัญสำหรับตำแหน่งกองหน้าตัวเป้านั้น ในทีมก็ไม่ใครดีไปกว่าเขาเพราะหน้าเป้าจริง ๆที่แมนยูมีอยู่ก็มีเพียงโอเดียน อิกาโล่เท่านั้นเอง สำหรับผลงานมาสเตอร์พีชของคาวานี่ในเกมดับนักบุญนั้น ผลที่ตามมามันย่อมจะเป็นผลดีต่อทีม ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็นประโยชน์ของกองหน้าระดับโลกรายนี้ ที่ทำให้เห็นแล้วว่าเขาไม่ควรถูกดองอยู่ข้างสนาม และในอีกมุมหนึ่งมันก็จะช่วยกระตุ้นกองหน้าคนอื่น โดยเฉพาะอองโตนี่ มาเซียลที่ดูจะฝืดไปมากในช่วงหลัง ให้กลับมารีบเค้นฟอร์มตัวเองให้ดีอีกครั้ง เพราะตอนนี้พี่ใหญ่อย่างคาวานี่นั้นได้กลับสู่ฟอร์มเดิมแล้ว และถ้าหากว่าโดนเขายึดตำแหน่งไปละก็คนที่โดนดองอยู่ข้างสนามจะกลายเป็นเขาเองอย่างแน่นอน

กีฬา

การจากไปของตำนานดาวยิงของโลก ดีเอโก้ มาราโดน่า

คงต้องบอกว่าปีนี้เป็นปีแห่งการสูญเสียอย่างแท้จริงสำหรับวงการกีฬา เพราะนอกจากที่เราจะได้รับข่าวร้ายสำหรับการจากไปของผู้เล่นระดับตำนานของกีฬาบาสเกตบอลอย่างโคบี้ ไบรอัน เมื่อช่วงต้นปีไปแล้ว ก่อนจะสิ้นปีเรายังสูญเสียตำนานแห่งโลกฟุตบอลอย่าง ดีเอโก้ มาราโดน่าไปอีกคนหนึ่งด้วย การเสียชีวิตของตำนานดาวยิงชาวอาร์เจนติน่านั้นเกิดขึ้นเมื่อตอนเช้าของวันที่ 25 พฤศจิกายน ตามเวลาท้องถิ่นด้วยอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันในบ้านพักของเขาเอง โดยผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์คือหลานชายของเขาเผยว่ามาราโดน่านั้นตื่นขึ้นมารับประทานอาหารเช้าด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยดีนัก และบอกเพียงว่าเขารู้สึกไม่ค่อยดีแล้วขอกลับไปนอนต่อหลังมื้ออาหาร และมันก็เป็นการนอนที่เขาไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย การจากไปของดีเอโก้ มาราโดน่านั้นสร้างความเสียใจให้กับผู้คนที่อยู่ในวงการฟุตบอล ทั้งบรรดานักเตะชื่อดังหลายคนที่เคยมีเขาเป็นแรงบันดาลใจในการเล่นฟุตบอล รวมไปถึงแฟนบอลจากทั่วโลกที่ชื่นชอบในฝีเท้าและลีลาในการเล่นฟุตบอลของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟนบอลทีมชาติอาร์เจนติน่าและทีมนาโปลีที่ยกย่องให้เขาเปรียบดังพระเจ้าบนโลกแห่งฟุตบอลเลยก็ว่าได้ ซึ่งสำหรับชาวอาร์เจนติน่านั้นดีเอโก้ มาราโดน่านั้นเปรียบได้กับพระเจ้าองค์ที่ 3 โดยมีองค์ที่หนึ่งคือพระเยซู คริสต์ องค์ที่ 2 คือมาริโอ เคมเปส ผู้พาทีมไปสู่แชมป์โลกสมัยแรก และอันดับที่ 3 ก็คือดีเอโก มาราโดน่า ผู้นำพาแชมป์โลกสมัยที่สองนั่นเอง ส่วนที่นาโปลีนั้นไม่ต้องสงสัยเลยเพราะจุดสูงสุดที่มาราโดน่าทำไว้ให้กับทีมนั้นไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนและหลังจากที่เขาย้ายออกไปจากทีมนั้น นาโปลีก็ไม่เคยกลับไปสู่จุดนั้นได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว นั่นก็คือการเป็นแชมป์กัลโช่ ซีเรีย อา นั่นเอง ชื่อของดีเอโก้ มาราโดน่านั้นมักจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับกองหน้าชาวบราซิลอย่างเปเล่เสมอ ในแง่ที่ว่าระหว่างสองคนนี้ใครคือที่สุดตลอดกาล แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับความสำเร็จของไข่มุกดำแล้วมาราโดน่าย่อมจะสู้ไม่ได้ แต่ความยิ่งใหญ่ของเขานั้นมันมาจากการที่เขาเพียงคนเดียวสามารถพาทีมไปสู่ความสำเร็จได้ต่างหาก เพราะมาราโดน่าไม่ได้มีเพื่อนร่วมทีมที่เก่งกาจมากมายเท่ากับเปเล่ แต่การเล่นแบบวันแมนโชว์ของเขาก็สามารถพาทีมเป็นแชมป์ได้เช่นกัน นั่นคือประเด็นที่แฟนบอลนำมาถกเถียงกันตลอดมาสำหรับสองผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการฟุตบอล ที่สุดตลอดกาล พระเจ้า ตำนาน ไม่ว่าจะเป็นคำเรียกใด มันล้วนแล้วแต่มุ่งตรงมาที่ ดีเอโก้ มาราโดน่า ทั้งสิ้น และสิ่งที่เขาเคยสร้างไว้ในโลกแห่งฟุตบอลจะยังคงเป็นที่จดจำไปตราบนาน ขอแสดงความเสียใจและไว้อาลัยให้แก่การจากไปของเขา และขอขอบคุณที่เขาสร้างความสุขให้กับโลกแห่งฟุตบอลตลอดมา

กีฬา

จู๊ด ศูนย์ทรัพย์-เบลล์ หนุ่มลูกครึ่งไทย ดาวรุ่งอนาคตไกลของสิงโตน้ำเงินคราม

ยังคงโชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงอย่างต่อเนื่องจนได้รับการจับตามองเป็นพิเศษในขณะนี้ สำหรับกองหน้าดาวรุ่งลูกครึ่งไทย-อังกฤษอย่าง จู๊ด ศูนย์ทรัพย์-เบลล์ ผู้เล่นในชุดเยาวชนของทีมสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ทีมดังระดับยักษ์ใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ซึ่งจากผลงานของเขาทำให้บรรดาผู้ฝึกสอนของทีมสิงโตน้ำตั้งความหวังไว้กับเขาสูงเลยทีเดียว และมันก็ทำให้แฟนบอลบ้านเรามีความหวังลึก ๆ ว่าในอนาคตเขาจะเลือกกลับมาติดธงลงรับใช้ทีมชาติที่เป็นแผ่นดินแม่ของเขาอย่างทีมชาติไทย สำหรับเจ้าหนูฟอร์มแรงรายนี้เกิดและโตที่ประเทศอังกฤษ โดยมีคุณพ่อเป็นชาวอังกฤษและมีคุณแม่เป็นคนไทย ซึ่งตอนนี้เขามีอายุได้เพียงแค่ 16 ปีเท่านั้น เขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลกับศูนย์ฝึกเยาวชนของทีมสวินดอน ทาวน์ เมื่อปี 2015 ก่อนที่ผลงานของเขาจะไปเข้าตาทีมแมวมองของทีมสิงโตลอนดอน และทำการดึงตัวเขามาร่วมทีมเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาและเขาก็ไม่ได้ทำให้ทีมงานเชลซีผิดหวัง เมื่อเขาเรียนรู้และพัฒนาการเล่นของตัวเองขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว จนทำให้เขาได้รับสัญญาเป็นนักเตะอาชีพจากทางสโมสรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเขาได้ลงเล่นให้กับชุดเยาวชนของทีมในรายการพรีเมียร์ลีกรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปีอยู่ในปัจจุบัน และสถิติการถล่มประตูของเขาในปีนี้ก็ร้อนแรงอย่างมาก เมื่อเขาสามารถยิงให้ทีมสิงโตน้ำเงินครามชุดเล็กไปแล้วถึง 7 ประตู จากการลงสนามไปเพียงแค่ 6 นัดเท่านั้นเอง และที่สำคัญใน 7 ประตูที่เขาทำได้นั้นมันมีหนึ่งเกมคือเกมกับเลสเตอร์ ซิตี้ ที่เขาสามารถกดไปคนเดียวถึง 4 ประตู พาทีมถล่มไปแบบขาดลอยถึง 8-1 ซึ่งมันทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นคนแรกในรอบ 59 ปี เลยทีเดียวที่ยิงได้ถึงสี่ประตูในเกมเดียวให้ชุดเยาวชน ในส่วนของทีมชาตินั้นเจ้าหนูเบลล์ก็ผ่านการลงเล่นให้กับทีมสิงโตคำรามชุดเล็กมาแล้ว และก็ทำผลงานได้ดีเสียด้วย โดยเขาลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษชุดไม่เกิน 16 ปีไปแล้ว 7 นัดและสามารถทำได้ถึง 6 ประตูเลยทีเดียว แถมในเกมเปิดตัวนั้นเขากดแฮตทริกใส่ทีมแกร่งอย่างสเปนเลยทีเดียว ทำให้เชื่อว่าทางทีมชาติอังกฤษเองก็คงจะหวังให้เขาก้าวขึ้นไปเป็นผู้เล่นชุดใหญ่ของพวกเขาเช่นกัน ซึ่งนั้นอาจจะทำให้สมาคมฟุตบอลทีมชาติไทยเราต้องทำงานกันอย่างหนักเลยทีเดียวหากหวังจะเห็นเจ้าหนูรายนี้ติดธงไตรรงค์ในอนาคต ถึงดูจะยากไปนิดที่จะดึงเจ้าหนูรายนี้มาติดทีมชาติไทย…

Continue Reading