กีฬา

อเล็กซ์ มาร์เกซ รุกกี้ผู้นำโด่งในศึก MotoGP Virtual Race

การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าไปทั่วโลก ทำให้การแข่งขันกีฬาทุกประเภทต้องหยุดชะงักลง โปรแกรมการแข่งขันที่ถูกกำหนดไว้ต้องเลื่อนออกไปนานนับเดือน โดยศึกโมโตจีพี การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีก็เป็นหนึ่งในนั้น แถมในระหว่างพักการแข่งขันเหล่านักบิดยังต้องกักตัวเองอยู่กับบ้านเพื่อความปลอดภัยตามมาตรการสาธารณสุขอีกด้วย ทางผู้จัดการแข่งขันจึงเกิดไอเดียจัดแข่งขัน MotoGP Virtual Race ขึ้น ในโครงการ #StayAtHomeGP ซึ่งได้การตอบรับอย่างดีจากทั้งนักบิดชื่อดังและเหล่าแฟนกีฬาประลองความเร็วสองล้อ MotoGP Virtual Race เป็นการแข่งขันจักรยานยนต์ในโลกเสมือนจริงผ่านเกมโมโตจีพี เกมอีสปอร์ตชื่อดัง ที่ได้นักบิดตัวจริงเสียจริงมาจับจอยสติ๊กบังคับรถคู่ใจอยู่กับบ้าน และเปิดโอกาสให้แฟนทั่วโลกได้ติดตามรับชมการแข่งขันทางช่อง YouTube ของ MotoGP ซึ่งปัจจุบันถูกจัดไปแล้วทั้งสิ้น 4 สนาม และมีอเล็กซ์ มาร์เกซ ทำคะแนนรวมเป็นผู้นำอยู่ในขณะนี้ สนามแรกจัดการแข่งขันไปเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2563 โดยมีนักบิดเขาร่วมแข่งทั้งสิ้น 9 คน จาก 7 ทีม อาทิเช่น พี่น้องมาร์เกซ แห่งทีมเรปโซล ฮอนด้า, ฟรานเชสโก้ บัญญาญ่า จากทีมพราแม็ค เรซซิ่ง และมาเวริค บีญาเลส จากทีมยามาฮ่า ซึ่งเป็นการแข่งขันที่สนามมูเจลโล่ ประเทศอิตาลี โดยผู้ชนะประเดิมสนามแรกได้แก่ อเล็กซ์ มาร์เกซ รุกกี้แห่งศึกโมโตจีพี น้องชายแท้ ๆ ของมาร์ค…

Continue Reading

กีฬา

ปาโบล ไอมาร์ ยอดเพลย์เมกเกอร์ ไอดอลของนักเตะหมายเลขหนึ่งของโลก

นักเตะทุกคนไม่เว้นแม้แต่นักเตะระดับโลกย่อมมีนักเตะไอดอลในวัยเด็กเป็นเสมือนต้นแบบของตัวเอง อย่างเช่น ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ที่มี โรนัลโด้ ดาวยิงสายเลือดแซมบ้าเป็นไอดอล, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ที่มอง เธียร์รี่ อองรี เป็นนักเตะต้นแบบ หรือแม้แต่เซร์คิโอ อเกวโร่ ที่ยกให้ ไมเคิล โอเว่น เป็นนักเตะคนโปรด แต่ในรายของ ลิโอเนล เมสซี่ ผู้ถูกยกให้เป็นนักเตะหมายเลขหนึ่งของโลก แม้แฟนบอลส่วนใหญ่จะคิดว่าไอดอลของเขาคงหนีไม่พ้น ดิเอโก มาราโดน่า แต่ที่จริงแล้วเจ้าของบัลงดอร์ 6 สมัยกลับมี “ปาโบล ไอมาร์” เป็นนักเตะที่เฝ้าติดตามมาตั้งแต่วัยเด็ก ปาโบล ไอมาร์ เริ่มต้นเส้นทางอาชีพกับทีมริเวอร์เพลท สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งลีกอาร์เจนติน่า โดยเป็นผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกที่คอยสร้างสรรค์โอกาสทำประตูให้กับคู่กองหน้าอย่าง มาร์เซโล่ ซาลาส และฮวน ปาโบล อังเคล และด้วยสายตาอันเฉียบคมในการอ่านเกม บวกกับการจ่ายบอลอย่างแม่นยำทั้งทิศทางและน้ำหนัก ทำให้ “คิลเลอร์พาส” กลายเป็นอาวุธประจำตัวของไอมาร์ที่ช่วยต้นสังกัดทำประตูได้มากมาย สถิติ 28 แอสซิสต์ จาก 82 นัด เป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างดี หลังลงเล่นให้กับริเวอร์เพลท 4 ปี ชื่อเสียงของไอมาร์ก็โด่งดังไปทั่วยุโรปจนมิดฟิลด์อาเจนไตน์กลายเป็นนักเตะเนื้อหอมที่บรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ของยุโรปต้องการตัวไปร่วมทีม แต่แล้วก็เป็นทีมบาเลนเซียที่ได้ตัวไปครองในปี 2001…

Continue Reading

กีฬา

วิลเลี่ยน การตัดสินใจครั้งสุดท้ายกับอนาคตในรังเชลซี

แม้ วิลเลี่ยน จะตัดสินใจกลับมาฝึกซ้อมและขยายสัญญาพิเศษออกไปเพื่อกลับมาลงสนามช่วยต้นสังกัดอย่างเชลซีทำการแข่งขันในฤดูกาล 2019-20 ที่เหลืออีกเพียง 9 นัดให้เสร็จสิ้น ซึ่งอาจจะเป็นช่วงสุดท้ายที่ปีกบราซิเลี่ยนจะได้ในยูนิฟอร์มสิงโตน้ำเงินคราม เมื่อการเจรจาสัญญาฉบับใหม่ระหว่างเจ้าตัวกับสโมสรที่ยืดเยื้อมาตลอดทั้งฤดูกาลอาจจะมาถึงทางตันเสียแล้ว วิลเลี่ยน ถือเป็นหนึ่งในนักเตะคนสำคัญของเชลซีในฤดูกาลนี้ โดยปีกวัย 31 ปีถูกส่งลงสนามทุกรายการไปทั้งสิ้น 37 เกม ยิง 7 ประตู กับอีก 6 แอสซิสต์ ช่วยให้ทีมสิงโตแห่งลอนดอนทำคะแนนเป็นอับดับ 4 ในศึกพรีเมียร์ลีก แถมยังมีโอกาสลุ้นแชมป์ทั้งศึกเอฟเอคัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก่อนที่การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าจะส่งผลให้เกมการแข่งขันทั้งหมดต้องถูกเลื่อนออกไปเกือบ 3 เดือน โดยล่าสุดทางพรีเมียร์ลีกเตรียมกลับมาแข่งขันกันอีกครั้งในช่วงเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ เดิมทีสัญญาระหว่างวิลเลี่ยนกับเชลซีจะสิ้นสุดลงในเดือนมิถุนายน แต่เนื่องจากการกลับมาแข่งขันอีกครั้งของศึกพรีเมียร์ลีกหลังสถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศอังกฤษดีขึ้น อาจต้องลากยาวไปจนถึงเดือนสิงหาคม ทำให้ทั้งสองฝ่ายตกลงขยายสัญญาระยะสั้นออกไปจนสิ้นสุดฤดูกาล ทั้งที่สโมสรเชลซีต้องการรั้งตัววิลเลี่ยนให้อยู่กับทีมต่อไปโดยมอบสัญญา 2 ปีให้พิจารณา ทั้งที่นโยบายของสโมสรจะทำการต่อสัญญากับผู้เล่นอายุมากกว่า 30 ปีแบบปีต่อปีเท่านั้น โดยตัวของวิลเลี่ยนเองนั้นต้องการได้รับสัญญายาว 3 ปีจากต้นสังกัด เพื่อความมั่นคงในช่วงท้ายอาชีพ เป็นผลให้การเจรจาต้องหยุดชะงักไปในที่สุด นับตั้งแต่ย้ายมาสู่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2013 วิลเลี่ยนก็กลายเป็นกำลังสำคัญพาเชลซีกวาดแชมป์ถึง 5 รายการ จากพรีเมียร์ลีก 2…

Continue Reading

กีฬา

โรแบร์โต ฟิร์มิโน่ คุณค่าที่มากกว่าแค่จำนวนการถล่มประตู

นับเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดของ โรแบร์โต ฟิร์มิโน่ ในถิ่นแอนฟิลด์ เมื่อเขาถูกวิจารณ์อย่างหนักทั้งจากเหล่ากูรูลูกหนังและบรรดาแฟนบอลในเรื่องการผลิตสกอร์ในกับทีมลิเวอร์พูลในฤดูกาล 2019-20 ซึ่งน้อยกว่าพาร์ทเนอร์ในแดนหน้าอย่างซาดิโอ มาเน่ และโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทั้งที่ดาวยิงบราซิเลี่ยนลงเล่นในตำแหน่งศูนย์หน้าของทีม ก่อนที่พิษโควิด-19 จะเข้าเล่นงานจนลีกทั่วทั้งยุโรปต้องถูกพักการแข่งขันไปนานนับเดือน ฟิร์มิโน่ ทำประตูให้กับลิเวอร์พูลไปเพียง 11 ประตู จากการลงสนาม 43 นัดในทุกรายการ ในขณะที่มาเน่ทำได้ 18 ประตู ส่วนซาลาห์ก็ยิงไปทั้งสิ้น 20 ประตู ซึ่งทั้งสองคนลงเล่นด้วยจำนวนนัดที่น้อยกว่ากองหน้าทีมชาติบราซิลเสียอีก จนเป็นเหตุให้เกิดกระแสข่าวว่าทีมหงส์แดงกำลังมองหาศูนย์หน้าคนใหม่เข้ามาแทนที่ โดยมีชื่อของ ติโม แวร์เนอร์ ดาวยิงทีมชาติเยอรมันของแอร์เบ ไลป์ซิก เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่ง แน่นอนว่าหากมองเฉพาะจำนวนสกอร์ที่ฟิร์มิโน่ผลิตได้นั้นอาจจะดูน้อยไปสำหรับนักเตะในตำแหน่งที่อยู่ใกล้ปากประตูคู่แข่งมากที่สุด แต่สิ่งที่ฟิร์มิโน่ทำได้มากกว่าจำนวนประตูนั้นคือ การเป็นตัวเชื่อมเกมและสร้างโอกาสทำประตูให้เพื่อนร่วมทีม โดยดาวยิงหน้าเปื้อนยิ้มเป็นนักเตะประเภทที่วิ่งเข้าหาบอลอยู่เสมอ และเมื่อแย่งบอลได้สำเร็จสิ่งแรกที่ฟิร์มิโน่ทำคือการมองหาเพื่อนร่วมทีมที่อยู่ในตำแหน่งได้เปรียบแล้วจ่ายบอลไปให้ทันที จนกลายเป็นที่มาของหลายประตูที่ทีมหงส์แดงทำได้ ซึ่งในฤดูกาลนี้ฟิร์มิโน่ทำไปแล้วถึง 12 แอสซิสต์ด้วยกัน แม้ตามแผนผังการเล่น ฟิร์มิโน่จะยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าให้กับทีมหงส์แดง แต่เมื่ออยู่ในสนามบทบาทที่เขาได้รับกลับเป็นผู้เล่น Flase 9 หรือศูนย์หน้าตัวหลอกนั่นเอง โดยฟิร์มิโน่มักเป็นคนที่ดึงตัวประกบออกมาจากแนวรับแล้วจ่ายบอลให้เพื่อนสอดขึ้นมาทำประตูได้บ่อยครั้ง ด้วยเทคนิคอันแพรวพราวตามแบบฉบับนักเตะแซมบ้า รวมถึงการเล่นเพื่อทีมอย่างไม่เห็นแก่ตัว ทำให้เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในตำแหน่งศูนย์หน้าตัวหลอก จนได้รับคำชมจากเจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้เป็นเจ้านายอยู่บ่อยครั้ง กุนซือชาวเยอรมันเอ่ยปากชมอยู่บ่อยครั้งว่าฟิร์มิโน่เป็นนักเตะระดับโลก แถมยังยกย่องลูกทีมคนโปรดว่าเป็นศูนย์กลางเกมบุกของลิเวอร์พูลที่คอยเชื่อมประสานผู้เล่นแนวรุกจนผลงานของทีมออกมาดีตลอด 3 ปีหลัง…

Continue Reading

กีฬา

บุนเดสลีกา ผู้สร้างวิถีชีวิตการเชียร์ฟุตบอลแบบใหม่ของยุโรป

หลังถูกผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าจนทำให้ลีกฟุตบอลทั่วยุโรปต้องเว้นวรรคไปนานเกือบ 2 เดือน ในที่สุดศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ก็กลับมาลงสนามฟาดแข้งกันอีกครั้ง นับเป็นลีกชั้นนำของยุโรปรายแรกที่ตัดสินใจกลับมาจัดแข่งขันอีกครั้งจนจบฤดูกาล ด้วยรูปแบบการแข่งขันที่มีข้อกำหนดมากมายเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านสาธารณสุข ซึ่งถือเป็นกรณีศึกษาให้กับลีกอื่นในยุโรปต่อไป ก่อนถูกพิษโควิด-19 เล่นงานจนต้องเลื่อนการแข่งขันออกไป ทีมส่วนใหญ่ในศึกบุนเดสลีกาลงเตะไปแล้วทั้งสิ้น 25 นัด โดยมีบาเยิร์น มิวนิค รั้งตำแหน่งจ่าฝูง ในขณะที่โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ก็ทำแต้มไล่จี้จนตามหลังเพียง 4 คะแนนเท่านั้น แถมทั้งคู่ยังมีโปรแกรมที่ต้องเจอกันเองด้วย ทำให้การตัดสินหาแชมป์ประจำฤดูกาล 2019-20 รวมไปถึงการลุ้นโควตาฟุตบอลยุโรปฤดูกาลหน้า จึงยังเต็มไปด้วยความเข้มข้นกับอีก 9 นัดที่เหลือ นัดแรกของการกลับมารีสตาร์ทลีกเมืองเบียร์ ถือเป็นศึกใหญ่อย่างดาร์บี้แมตช์แห่งแคว้นรูห์ เมื่อโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เปิดรังซิกนัล อิดูน่า พาร์ค ต้อนรับชาลเก้ 04 โดยผลการแข่งขันจบลงด้วยชัยชนะอย่างท่วมท้นของฝั่งเจ้าบ้านถึง 4-0 นับเป็นผลการแข่งขันที่สร้างความเซอร์ไพรซ์ให้กับแฟนบอลไม่น้อยทั้งที่เป็นเกมแห่งศักดิ์ศรีครั้งที่ 156 ที่ทั้งคู่พบกัน ซึ่งไม่ใช่แค่ผลงานในสนามเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงบรรยากาศต่าง ๆ รอบสนามที่ทำให้อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้  เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัย การแข่งขันจึงถูกจัดขึ้นแบบปิดสนาม ไม่อนุญาตให้แฟนบอลเข้าชมเกมการแข่งขัน อัฒจันทร์จึงเต็มไปด้วยความว่างเปล่า ไร้ซึ่งสีสันจากแฟนบอล เสียงเชียร์ที่เคยดังกระหึ่มจึงเหลือเพียงแค่เสียงตะโกนจากโค้ชและนักเตะข้างสนามเท่านั้น แถมยังมีข้อกำหนดต่าง ๆ อย่างเช่น ให้นักเตะสำรองและทีมงานโค้ชทุกคนบนซุ้มม้านั่งสำรองต้องนั่งกันแบบเว้นระหว่างทางสังคม รวมถึงต้องสวมหน้ากากอนามัย, เว้นระยะห่างระหว่างนักเตะกับผู้ตัดสิน ผู้เล่นจึงหมดสิทธิ์รุมกดดันผู้ตัดสิน,…

Continue Reading

กีฬา

โรนัลโด้ VS เมสซี่ : ศัตรูที่รักแห่งวงการฟุตบอล

ในวงการกีฬามีคู่ปรับที่แย่งชิงความเป็นหนึ่งมายมายหลายคู่ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ กับ ราฟาเอล นาดาล เป็นคู่ปรับที่คู่คี่สูสีที่สุดแห่งวงการเทนนิส,  รอนนี่ โอซัลลิแวน กับ สตีเฟ่น เฮนดรี้ เป็นคู่แข่งที่ขับเคี่ยวอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กันในวงการสนุกเกอร์ แต่สำหรับวงการฟุตบอลแล้วคงไม่มีคู่ปรับคู่ไหนจะเทียบเท่าการดวลกันระหว่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ สองนักเตะแห่งยุคปัจจุบัน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ ได้รับการยกย่องให้เป็นนักเตะที่ดีที่สุดเคียงข้างกันในโลกลูกหนัง ทั้งคู่ครองรางวัลบัลลงดอร์ร่วมกันถึง 11 สมัย โดยเมสซี่เป็นผู้ที่คว้ารางวัลได้มากกว่าเพียงสมัยเดียว นอกจากนั้นทั้งคู่ยังคว้าโทรฟี่แชมป์รายการเมเจอร์ร่วมกันได้ถึง 65 แชมป์ แบ่งเป็นของโรนัลโด้ 31 แชมป์ และของเมสซี่ 34 แชมป์ ซึ่งจากสถิติข้างต้นทำให้แฟนคลับของเมสซี่ยกให้นักเตะคนโปรดของตนเหนือกว่าด้วยจำนวนแชมป์และรางวัลส่วนตัว แต่แฟนคลับของโรนัลโด้ก็แย้งว่าซูเปอร์สตาร์ชาวโปรตุเกสเหนือกว่าเพราะประสบความสำเร็จมาแล้วถึง 4 ลีกใหญ่ของยุโรป แถมยังคว้าแชมป์ทั้งระดับสโมสรและทีมชาติ จึงทำให้เหล่าแฟนคลับของคู่ยังคงเถียงกันไม่รู้จบว่าใครเป็นนักเตะที่ดีที่สุดกันแน่ ด้วยความที่มีอายุมากกว่าถึง 2 ปี ทำให้โรนัลโด้เริ่มต้นบนเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพก่อน โดยนักเตะจอมสับถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของสปอร์ตติ้ง ลิสบอน ตั้งแต่อายุเพียง 17 ปี ก่อนจะย้ายไปค้าแข้งกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เรอัล มาดริด และยูเวนตุสในปัจจุบัน ส่วนดาวยิงอาเจนไตน์เริ่มไต่เต้าจากนักเตะเยาวชนของบาร์เซโลน่า…

Continue Reading

กีฬา

โอเดียน อิกาโล่ กับความฝันในวัยเด็กที่ใกล้จะจบลง

“ผมเติมโตมาพร้อมกับการติดตามเชียร์แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด การได้ลงเล่นในสนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด คือความฝันของผม” นี่คือส่วนหนึ่งในบทสัมภาษณ์ของ โอเดียน อิกาโล่ เมื่อครั้งเพิ่งย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในช่วงตลาดนักเตะหน้าหนาวที่ผ่านมา ซึ่งแสดงถึงความเป็นสาวกเรด อาร์มี่ในตัวเขาได้อย่างชัดเจน แต่แล้วความฝันก็ใกล้จะจบลงอีกไม่นาน เมื่อสัญญายืมตัวของเขากำลังจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า มีรายงานว่าในวันสุดท้ายก่อนที่ตลาดนักเตะจะปิดตัวลง มีข้อเสนอจากหลายสโมสรในยุโรปส่งมาถึงตัวแทนของอิกาโล่ แต่พอมีข้อเสนอจากทีมปีศาจแดงเข้ามา อิกาโล่ก็ปัดทุกข้อเสนอทิ้งและกำชับให้เอเยนต์ส่วนตัวทำทุกวิถีทางให้เขาได้สวมเครื่องแบบปีศาจแดง แม้จะต้องลดค่าเหนื่อยลงก็ตาม จนในที่สุดอิกาโล่ก็กลายร่างเป็นขุนพลอสูรอย่างตั้งใจ อิกาโล่รู้ถึงฐานะของตัวเองดีว่าการย้ายทีมครั้งนี้เพื่อมาเป็นกำลังสำรองให้กับทีมปีศาจแดง ศูนย์หน้าทีมชาติไนจีเรียอดทนรออย่างใจเย็น จนในเกมลีกที่พบกับเชลซีโอกาสลงสนามครั้งแรกก็มาถึง แม้จะถูกเปลี่ยนตัวในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง แต่อิกาโล่ก็ยังหาจังหวะสับไกจนเกือบเป็นประตูได้ จนมามีชื่อเป็นตัวจริงครั้งแรกในศึกยูโรป้า เลกที่ 2 กับทีมคลับบรูซ ซึ่งนัดนี้เขาสามารถยิงประตูแรกให้กับปีศาจแดงได้อีกด้วย ก่อนจะยิงเพิ่มอีก 3 ประตู ในอีก 2 เกมที่ได้รับโอกาสเป็นตัวจริง โดยเฉพาะประตูในเกมพบกับแอลเอเอสเค ลินซ์ อิกาโล่โชว์ทักษะแต่งบอลด้วยหลังเท้า 3 จังหวะขณะที่บอลลอยอยู่กลางอากาศ ก่อนสับไกบอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมชนิดที่ผู้รักษาคู่แข่งได้แต่ป้องกันด้วยสายตา ประตูดังกล่าวน่าจะช่วยให้โอกาสลงสนามเป็นตัวจริงในเกมลีกของอิกาโล่มาถึงเสียที แต่แล้วสถานการณ์โควิด-19 ก็ทำให้ฟุตบอลทั่วยุโรปต้องหยุดชะงักลง ปัจจุบันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่ายังคงรุนแรงอย่างต่อเนื่อง จนพรีเมียร์ลีกยังไม่สามารถกลับมาแข่งขันได้ ในขณะที่สัญญายืมตัวของอิกาโล่ก็กำลังจะสิ้นสุดลงในเดือนพฤษภาคมนี้ แม้ก่อนหน้านี้จะมีข่าวว่าทางปีศาจแดงเตรียมคว้าตัวมาร่วมทีมอย่างถาวร แต่จากสถานการณ์ตอนนี้ที่บรรดานักเตะบาดเจ็บทยอยกลับมาลงซ้อมได้แล้ว โดยเฉพาะมาร์คัส แรชฟอร์ด ต้นเรื่องที่นำมาซึ่งการยืมตัวดาวยิงแอฟริกัน ทำให้ยูไนเต็ดลังเลที่จะซื้อขาด ในขณะที่ต้นสังกัดที่แท้จริงอย่างเซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัวก็ต้องการตัวศูนย์หน้าชาวไนจีเรียกลับไปสู้ศึกฤดูกาลใหม่มากกว่าจะยอมขยายสัญญายืมตัวออกไป ทำให้อิกาโล่อาจจะลงเล่นนัดสุดท้ายให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปเรียบร้อยแล้วก็ได้ หากปีศาจแดงพลาดใช้งานอิกาโล่ต่อจริง ๆ…

Continue Reading

กีฬา

5 นักเตะชื่อดังที่เปลี่ยนสายอาชีพหลังแขวนสตั๊ด

เส้นทางอาชีพของนักฟุตบอลส่วนใหญ่หลังจากแขวนสตั๊ดไปแล้วก็มักจะยังวนเวียนอยู่กับวงการฟุตบอล ทั้งผันตัวไปเป็นโค้ช, ผู้จัดการทีม หรือไม่ก็เป็นผู้บริหารสโมสร รวมไปถึงการเป็นคอมเมนเตเตอร์ฟุตบอลทางสถานีโทรทัศน์ แต่ก็มีนักเตะจำนวนไม่น้อยที่หันไปเอาดีกับสายอาชีพอื่นในยามที่หันหลังให้กับสนามหญ้า ดังเช่นนักเตะชื่อดังทั้ง 5 รายต่อไปนี้ 1. วินนี่ โจนส์: นักแสดงภาพยนตร์ วินนี่ โจนส์ ได้ชื่อว่าเป็นมิดฟิลด์สายพันธุ์โหดที่เข้าบอลอย่างถึงลูกถึงคนในทุกจังหวะ โดยไม่มีความเกรงกลัวต่ออาการบาดเจ็บ หรือแม้แต่ใบแดง ตลอดเส้นทางอาชีพเขาถูกผู้ตัดสินไล่ออกจากสนามถึง 12 ครั้ง และด้วยบุคลิกอันโดดเด่นในแบบฉบับนักเตะฮาร์ดแมน ทำให้หลังแขวนสตั๊ดเขาจึงได้รับข้อเสนอในการเป็นนักแสดงภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด ซึ่งบทบาทที่ได้รับก็หนีไม่พ้นอันธพาล, ลูกน้องเจ้าพ่อมาเฟีย หรือไม่ก็นักฆ่า โดยตลอด 20 ปีในเส้นทางสายบันเทิงอดีตกองกลางจอมโหดร่วมแสดงภาพยนตร์ไปกว่า 70 เรื่อง ประกบนักแสดงชื่อดังมากมาย อาทิเช่น นิโคลัส เคจ, จอห์น ทราโวตา และอาร์โนลด์ ชวาสเนคเกอร์ 2. ปาโบล ออสวัลโด้: นักร้อง ปาโบล ออสวัลโด้ ถือเป็นหนึ่งในนักเตะจอมพเนจรคนหนึ่งของวงการฟุตบอล ศูนย์หน้าชาวอาร์เจนติน่าผ่านการลงสนามให้กับ 12 สโมสรชื่อดัง ทั้งในลีกอาร์เจนติน่า, เซเรียอา อิตาลี, ลาลีกา สเปน, พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และลีกโปรตุเกส ก่อนจะประกาศแขวนสตั๊ดในปี 2016 โดยดาวยิงมาดฮิปสเตอร์ให้เหตุผลว่าต้องการมุ่งมั่นอย่างจริงจังกับการเป็นศิลปินร็อคแอนด์โรลล์…

Continue Reading

กีฬา

อังเคล ดิ มาเรีย นักเตะที่สมบูรณ์แบบในแผนการเล่นแนวรุกสามประสาน

การทำประตูถือเป็นสิ่งสำคัญของกีฬาฟุตบอล หากทำประตูไม่ได้ ถึงจะไม่แพ้ก็ไม่มีทางชนะ ผู้เล่นในแนวรุกจึงถือเป็นตำแหน่งสำคัญในการตัดสินผลแพ้ชนะ จึงทำให้ฟุตบอลสมัยใหม่นิยมใช้รูปแบบการเล่นแบบสามประสานในการทำเกมบุก โดยทีมที่สามารถทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำไม่ใช่แค่อาศัยความสามารถเฉพาะตัวอย่างเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องมาจากการประสานงานกันอย่างลงตัวของผู้เล่นในแนวรุกอีกด้วย ซึ่งหนึ่งในนักเตะยุคปัจจุบันที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในรูปแบบการเล่นแบบสามประสานต้องยกให้กับ “อังเคล ดิ มาเรีย” ที่ไม่ว่าจะเปลี่ยนทีมกี่ครั้งฟอร์มการเล่นก็ยังไม่ตกลงไปเลย อังเคล ดิ มาเรีย จากบ้านเกิดมาร่วมทีมเบนฟิก้าในปี 2007 ด้วยวัยเพียง 19 ปี แต่เขาเริ่มโด่งดังไปทั่วยุโรปในปี 2009 เมื่อทีมตราเหยี่ยวดึงตัวปาโบล ไอมาร์ และฮาเวียร์ ซาวิโอล่า มาเสริมทัพ เกิดเป็นสามประสานแห่งลิสบอนอันร้อนแรง ช่วยให้เบนฟิก้าผงาดครองดับเบิ้ลแชมป์ทั้งบอลลีกและบอลถ้วยของโปรตุเกส จนตกเป็นเป้าหมายของสโมสรยักษ์ใหญ่ของยุโรป ซึ่งสุดท้ายเรอัล มาดริดก็เป็นทีมที่ได้ตัวเขาไปครอบครองในฤดูกาลถัดมา ปีกชาวอาเจนติน่าย้ายสู่ถิ่นเบอร์นาบิวด้วยค่าตัว 25 ล้านยูโร และกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวในการเล่นร่วมกับคริสเตียโน่ โรนัลโด้ และคาริม เบนเซม่า ช่วยให้ทีมราชันชุดขาวคว้าแชมป์เมเจอร์ได้ถึง 6 รายการ โดยตลอด 5 ฤดูกาล ดิ มาเรีย ยิงไปทั้งสิ้น 36 ประตู จาก 194 เกม นอกจากนั้นยังจ่ายให้โรนัลโด้ทำประตูไป 28 ครั้ง และเก็บแอสซิสต์จากเบนเซม่าได้ 23 ครั้ง แต่แล้วเมื่อทีมดึงตัว…

Continue Reading

กีฬา

ริชาร์ลิสัน ยอดนักเตะกับนิยามของคำว่า “พยายามอย่างถึงที่สุด”

ริชาร์ลิสัน ถือเป็นหนึ่งในกองหน้าฟอร์มร้อนแรงประจำพรีเมียร์ลีก อังกฤษ จนมีข่าวเชื่อมโยงเรื่องการย้ายทีมกับหลายสโมสรชั้นนำของยุโรป ซึ่งหนึ่งในนั้นคือสโมสรบาร์เซโลน่าที่พร้อมทุ่มถึง 100 ล้านปอนด์ ทั้งที่ครั้งหนึ่งศูนย์หน้าทีมชาติบราซิลเกือบถอดใจและหันหลังให้กับวงการฟุตบอลไปแล้ว เนื่องจากถูกปฏิเสธระหว่างการคัดตัวเป็นนักฟุตบอลหลายต่อหลายครั้ง ริชาร์ลิสัน เกิดที่เมืองโนวา เวเนเซีย เมืองเล็ก ๆ ทางแถบตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศบราซิล ในครอบครัวที่ยากจน ทำให้ชีวิตในวัยเด็กของเขาเต็มไปด้วยความยากลำบาก ต้องช่วยพ่อแม่ทำไร่ไถนา รวมทั้งเร่ขายขนมและไอศกรีมตามท้องถนน เพื่อให้มีเงินเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิตและทำตามความฝัน นั้นคือการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ซึ่งความฝันของเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เมื่อการเดินทางไปคัดตัวเพื่อเข้าร่วมทีมเป็นนักฟุตบอลกับสโมสรหลายแห่งลงเอยด้วยความผิดหวังทุกครั้งไป จนกระทั้งริชาร์ลิสันในวัย 17 ตัดสินใจเดิมพันด้วยเงินก้อนสุดท้ายที่มีไปกับตั๋วเที่ยวเดียวมุ่งหน้าสู่เมืองเบโล โฮริซอนเต้ ที่ห่างจากบ้านเกิดถึง 600 กิโลเมตร เพื่อเข้ารับการทดสอบฝีเท้ากับทีมอเมริกัน มิเนร์โร่ สโมสรในลีกรองของบราซิล ซึ่งความพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าของเขาก็สำริดผลจนได้กลายเป็นนักฟุตบอลอาชีพอย่างที่ตั้งใจ ริชาร์ลิสันเริ่มต้นกับทีมเยาวชนของอเมริกัน มิเนร์โร่ หลังลงเล่นให้ทีมเยาวชนเพียง 11 นัด เขาก็ถูกโปรโมทขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในช่วงกลางปี 2015 และสามารถยิง 2 ประตูจาก 2 เกมแรกที่ลงสนามให้กับต้นสังกัด จนได้รับการต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไปถึง 3 ปี นับเป็นการเริ่มต้นเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพอย่างสวยงาม ในฤดูกาลนั้นริชาร์ลิสันช่วยให้ทีมอเมริกัน มิเนร์โร่ เลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดของบราซิลได้สำเร็จ ในขณะที่ตัวเขาถูกดึงตัวไปร่วมทีมฟลูมิเนนเซ่ ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมในลีกบราซิลทำให้ริชาร์ลิสันถูกดึงตัวสู่พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2017-18 และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แม้จะต้องปรับตัวอย่างมากทั้งในเรื่องสภาพจิตใจที่ต้องอยู่ห่างจากครอบครัว, สภาพอากาศ, อาหารการกิน…

Continue Reading